สภาลูกหนัง: ‘แดงเดือด’ ที่น่าจะสนุกอยู่ฝ่ายเดียว!
เริ่มต้นปี 2025 ได้เพียงไม่กี่วันก็มี ‘บิ๊กแมตช์’ ให้เราได้รับชมกันอย่างรวดเร็ว และก็ถึงคิวของเกมที่แฟนบอลรอคอยอย่าง ‘แดงเดือด’ ที่ ลิเวอร์พูล จะเปิดรังต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แหม่.. เกริ่นมาอย่างยิ่งใหญ่ว่าเป็นเกมที่ ‘แฟนบอล’ รอคอย แต่จริง ๆ แล้วอาจจะมีเพียงแค่ ‘แฟนหงส์’ เท่านั้นที่ใจจดใจจ่อกับเกม ๆ นี้ที่ดูเหนือกว่า ‘ผีแดง’ อย่างเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งจากฟอร์มในฤดูกาลนี้
ทีมของ อาเน่อ สล็อต นั้นตีปีกติดลมบนอย่างจริงจังเลย ด้วยการควงตำแหน่งจ่าฝูงใน 2 รายการใหญ่อย่าง พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งก็ต้องยอมรับเลยว่า ‘ปีนี้ของเขาดีจริง ๆ’
พวกเขารั้งอันดับ 1 บนตารางคะแนนลีกสูงสุดของอังกฤษ ด้วยการเก็บไปถึง 45 คะแนน จากการลงเล่นเพียง 18 เกม น้อยกว่าชาวบ้านชาวช่องอยู่ 1 เกม จากเหตุการณ์พายุเข้าจนต้องเลื่อนเกม ‘เมอร์ซีไซด์ ดาร์บี้’ ออกไปแบบไม่มีกำหนด
ส่วนทางด้านของรายการยุโรปที่แม้จะเปลี่ยนรูปแบบ แต่ขุนพล ‘เร้ดแมชชีน’ ก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน ด้วยการเดินหน้าคว้าชัยชนะ 6 เกมรวด เก็บมาได้ 18 คะแนนเต็ม โดยที่โอกาสเข้ารอบต่อไปแบบไม่ต้องเหนื่อยลงเล่นเพลย์ออฟ นี่แทบจะการันตี 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว
เรื่องนี้ก็ต้องชื่นชมทางด้านของ สล็อต ที่เพิ่งจะเข้ามาคุมทีมในถิ่น แอนฟิลด์ เป็นขวบปีแรก แต่ทำผลงานได้ขนาดนี้ ก็ต้องบอกได้เลยว่าดีเกินกว่าที่คิดไปหลายขุมเลยทีเดียว
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องให้เครดิตกับผู้ปลุกปั้น ลิเวอร์พูล ชุดนี้อย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ทำทีมมาได้ลงตัวในระดับหนึ่งแล้ว แต่พอเปลี่ยนมาอยู่ในยุคของ ‘ดัตช์แมน’ ก็กลายเป็นทีมที่รสชาติกลมกล่อมมากขึ้นกว่าเดิม
ก่อนจะไปติดตาม ‘บิ๊กแมตช์’ คู่นี้กันต่อ ตอนนี้ LS Sport เพิ่มเกมตอบคำถามแฟนบอลพันธุ์แท้รายวัน และเกมโหวตทายผล ลุ้นรับไอเทมนักเตะระดับตำนานแบบไม่ต้องเติมเงินสักบาทเลย! ก็อย่าลืมรีบไปตุนเหรียญ-เก็บเลเวลกันก่อนหมดเขตนะครับ
ข้ามมาทางฟากของคู่แข่งในเกมนี้อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กันบ้างนะครับ ซึ่งบอกได้เลยว่าแฟน ๆ ได้แต่เอา ‘ตีน’ ก่ายหน้าผากกับผลงานที่ดูแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีวี่แววที่ดีขึ้นได้เลย แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมจาก เอริก เทน ฮาก มาเป็น รูเบน อโมริม แล้วก็ตาม
ถ้าว่ากันตามตรงในยุคของ ‘น้าโล้น’ ทรงบอลยังพอถู ๆ ไถ ๆ ไปได้ ด้วยการที่แพ้บ้าง ชนะบ้าง สลับ ๆ กัน แต่พอมาในตอนนี้ที่ ‘พี่เจ๋ง’ มาทำทีม กลับกลายเป็นหาความเก่งไม่เจอเลย
แต่ด้วยรูปแบบของแผนการเล่นที่เปลี่ยนไป จากที่ ‘ปีศาจแดง’ เล่นกองหลัง 4 ตัวมาแทบจะตลอด มาใช้ในระบบกองหลัง 3 ตัว ก็ทำให้บรรดาพ่อค้าแข้งทั้งหลายต้องมาปรับตัวกันใหม่ ณ จุดนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้คนที่ใช้แผนดังกล่าวก็น่าจะมีเพียงแค่ หลุยส์ ฟาน กัล เพียงคนเดียวนั่นแหละครับ
จนถึงตอนนี้ ยูไนเต็ด เก็บได้เพียงแค่ 22 คะแนนจากการลงเล่น 19 เกม ร่วงมาอยู่ในอันดับ 14 ของตารางคะแนน โดยถ้านับเฉพาะในยุคของ อโมริม ก็ชนะได้เพียงแค่ 2 จาก 8 เกมในลีกเท่านั้น
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น 3 เกมหลังสุดในลีกของพวกเขานั้น ไม่สามารถทำประตูได้เลยแม้แต่ประตูเดียวและเสียไปถึง 7 ประตู ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการลงเล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถึง 2 เกมด้วยนะ
พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว คงเดารูปเกมในค่ำคืนวันอาทิตย์ได้แบบแจ่มแจ้งเลยใช่ไหมล่ะครับ แต่ถ้ายังไม่ชัด เดี๋ยวผมจะเล่าถึงสถิติที่ช่วงที่ผ่านมาให้อีกหน่อยนึงละกัน
13 เกมหลังสุดที่ทั้งคู่เจอกันบนลีกสูงสุด ลิเวอร์พูล แพ้ไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น โดยเป็นการชนะไปถึง 7 เสมออีก 5 และเกมที่แพ้คือการออกไปเยือนที่เมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2022
นอกจากนี้ 8 เกมหลังสุดในลีกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องออกไปเยือนยัง แอนฟิลด์ นั้นไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลย และยังยิงรวมกันได้เพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้น โดยที่ 5 ครั้งหลังสุดนั้นทำประตูไม่ได้เลย
ก็… เอาประมาณนี้ก็น่าจะพอแล้วแหละครับ
ถ้าเป็นบทความก่อน ๆ ผมก็จะปิดท้ายด้วยการบอกว่าเรื่องเหล่านี้มันก็แค่ ‘สถิติ’ ที่ผ่านมาเท่านั้นเอง แต่ด้วยสภาพของทั้ง 2 ทีมที่ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว ก็คงได้แต่บอกให้ ‘หงส์แดง’ เพลา ๆ มือหน่อยละกันนะในเกมนี้
เขียนโดย LS Sport
ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชม.